จะวิ่งให้ดีต้องวิ่งด้วยท่าที่ถูกต้อง! อาดิดาส ประเทศไทย และ บุญถึง ศรีสังข์ นักวิ่งมาราธอนในตำนาน ร่วมแชร์เทคนิคเสริมศักยภาพการวิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
การวิ่งถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน เนื่องจากใช้อุปกรณ์ไม่มาก มีเพียงแค่รองเท้าวิ่งและร่างกายของนักวิ่งก็สามารถเริ่มวิ่งได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะช่วยพานักวิ่งไปสู่เป้าหมายได้คือการซ้อมวิ่งด้วยท่าทางที่ถูกต้อง ซึ่งบางครั้งอาจถูกมองข้ามหรือหลงลืมไปจนก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บได้หากฝึกซ้อมผิดวิธี ด้วยเหตุนี้ อาดิดาส ประเทศไทย ได้ชวนคุณบุญถึง ศรีสังข์ อดีตนักวิ่งตำนานมาราธอนไทยและตัวแทนทีมชาติไทยในโอลิมปิก 2016 มาแนะนำเทคนิคและท่าทางการวิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้นักวิ่งวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
👉ท่าที่ 1 ฝึกการแกว่งแขน
สิ่งสำคัญที่นักวิ่งควรฝึกซ้อมก่อนวิ่งคือการฝึกความมั่นคงของร่างกายส่วนบน โดยเริ่มจากการแกว่งแขนอย่างถูกวิธี ด้วยการตั้งศอกและแขนให้เป็นมุมฉาก จากนั้นเคลื่อนไหวโดยหมุนเฉพาะหัวไหล่ ไม่สะบัดแขนไปมา และก้าวขาให้สัมพันธ์กับจังหวะการแกว่งแขน โดยลำตัวนิ่งตรงเมื่อเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ทั้งนี้ การแกว่งแขนอย่างถูกวิธีจะช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกายให้สัมพันธ์กัน ป้องกันการบาดเจ็บ และลดการใช้แรงที่ไม่จำเป็น
👉ท่าที่ 2 การวิ่งในท่าแทงเข่าสูง
ท่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาที่จำเป็นต่อการทำความเร็วของนักวิ่ง โดยการแทงเข่าสูงขึ้นตรงๆ และระมัดระวังไม่ให้หัวเข่าแบะออกด้านนอก เกร็งที่กล้ามเนื้อต้นขา และฝึกให้ลำตัวตั้งตรงเมื่อส่งตัวไปข้างหน้า ไม่ค้อมหลังหรือห่อไหล่เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ
👉ท่าที่ 3 การวิ่งเตะปลายเท้า
ท่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้อน่องและเอนร้อยหวาย โดยยืดขาตรงไปด้านหน้า ตั้งแต่ต้นขาจนถึงน่องเป็นเส้นตรง เข่าตึง ดีดปลายเท้าชี้ขึ้นฟ้า และคอยระวังไม่ให้ลำตัวเอนไปด้านหลัง เพื่อรักษาป้องกันการหกล้มและอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับนักวิ่ง
👉ท่าที่ 4 การวิ่งดีดขาไปด้านหลัง
ท่านี้เป็นการฝึกกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง หรือ Hamstring และช่วยให้รอบขาในการวิ่งเร็วมากขึ้นและส่งแรงไปด้านหน้า โดยดีดส้นเท้าขึ้นตรงๆ ไปด้านหลังให้ส้นเท้ามาแตะที่บริเวณก้น โดยไม่ต้องวาดขา เพราะจะทำให้นักวิ่งใช้แรงมากเกินความจำเป็น ซึ่งการทำท่านี้อย่างถูกวิธีจะต้องรู้สึกว่าต้นขาด้านหน้าตึง
👉ท่าที่ 5 การวิ่งข้ามรั้ว
ท่านี้เป็นการฝึกการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ (consistency) ช่วยให้นักวิ่งวิ่งได้ต่อเนื่องและมั่นคง โดยเริ่มจากการก้าวขาไปด้านหน้าทำมุม 45 องศา ลักษณะเหมือนกำลังก้าวข้ามรั้ว ทำสลับกันทั้ง 2 ข้างทั้งซ้ายและขวา พร้อมออกแรงส่งตัวไปด้านหน้า ระวังไม่ให้กระทืบเท้าเพราะจะเพิ่มแรงกระแทกมากเกินไปจนอาจทำให้นักวิ่งบาดเจ็บได้
ทั้งนี้ การวิ่งเป็นกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้อแทบทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา แต่ในขณะเดียวกัน นักวิ่งก็ควรฝึกเรื่องการรักษาความมั่นคงช่วงลำตัวและการฝึกกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทั้งมัดเล็กและใหญ่ควบคู่กันไปด้วย คุณบุญถึง ศรีสังข์ จึงได้แนะนำท่าทางสำหรับการวิ่งจำนวน 5 ท่า สำหรับฝึกซ้อมการใช้กล้ามเนื้อขาแต่ละส่วน ซึ่งสามารถทำตามง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง เพื่อฝึกการเคลื่อนไหวร่างกายให้มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กัน ตลอดจนช่วยให้นักวิ่งได้ใช้ประโยชน์จากกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งให้ได้มากที่สุด
หลังจากเรียนรู้เทคนิคและท่าทางการวิ่งแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะส่งเสริมประสิทธิภาพของการวิ่ง นั่นก็คือการเลือกรองเท้าวิ่งเพื่อการฝึกซ้อมที่เหมาะสม อย่างรองเท้าวิ่งรุ่น ADIZERO SL จากอาดิดาส ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภท Train to Race หรือรองเท้าวิ่งเพื่อใส่ฝึกซ้อม ทั้งระยะสั้นและระยะไกล ออกแบบบนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ใช้ในรองเท้าวิ่งสายทำความเร็ว ประกอบด้วยโฟม LIGHSTRIKE PRO บริเวณปลายรองเท้า และโครงพื้นชั้นกลางทำจากโฟม LIGHSTRIKE EVA น้ำหนักเบาแบบเต็มแผ่น เพื่อเพิ่มการดูดซับแรงกระแทก ส่วนอัปเปอร์ผลิตจากผ้าตาข่ายที่ถักทอแบบพิเศษและลิ้นรองเท้าบุนุ่ม มอบความสบายแต่ยังคงความกระชับขณะสวมใส่ และเพิ่มการยึดเกาะบนทุกพื้นผิวด้วยพื้นรองเท้าที่ทำจากยางแบบเต็มแผ่น
พบกับรองเท้าวิ่ง ADIZERO SL ในเฉดสีใหม่ Solar Red ราคา 4,500 บาท ได้แล้ววันนี้ ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์, อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์, อาดิดาส แอปพลิเคชัน, อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ www.adidas.co.th, LINE Shopping: @adidasthailand, อาริ รันนิ่ง, ซูเปอร์สปอร์ต และร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก www.facebook.com/adidasTH และอินสตาแกรม @adidasThailand และ @adidasrunning รวมถึงแฮชแท็ก #ADIZEROSL #adidasrunning #adidasThailand