โดยคาดว่าจะมีการส่งมอบ “เมกะคาร์” ในปี 2568
Koenigsegg Gemera ออกแบบมาให้รองรับได้ 4 ที่นั่งพร้อมสัมภาระ 1,700 แรงม้า อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เปิดตัวแนวคิดครั้งแรก ขณะนี้คาดว่ารถรุ่นนี้จะผลิตกำลังได้มากถึง 2,300 แรงม้าและยังคงบรรทุกได้อีก 4 คัน ผู้โดยสารบวกสัมภาระ
เพื่อสร้างสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้บนกระดาษ Koenigsegg ได้จินตนาการ และประดิษฐ์ชิ้นส่วนต่างๆ ขึ้นใหม่ รวมถึงระบบส่งกำลัง V8 ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า มอเตอร์ Radial Flux E-motor ที่ขนานนามว่า “Dark Matter” และ Light Speed Tourbillon Transmission (LSTT)
Christian von Koenigsegg อธิบายว่า “เราไม่สามารถต้านทานการสำรวจความเป็นไปได้ในการรวมคุณลักษณะ และคุณประโยชน์ที่โดดเด่นเหล่านี้เข้ากับรุ่นการผลิต Gemera ซึ่งนำเราไปสู่เส้นทางการพัฒนาใหม่ที่น่าตื่นเต้น นั่นคือ Light Speed Tourbillon Transmission (LSTT)” Christian von Koenigsegg กล่าว
ผู้ที่โชคดีพอที่จะสั่งซื้อ Gemera รุ่นโปรดักชั่นจะมีตัวเลือกในการรวมมอเตอร์ Dark Matter เข้ากับหนึ่งในสองเครื่องยนต์ ได้แก่ “Tiny Friendly Giant” (TFG), เทอร์โบคู่สามสูบของ Koenigsegg หรือ 5.0 ลิตรทวินเทอร์โบ -turbo V8 โดยพื้นฐานแล้วเป็น เครื่องยนต์ Jesko ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และปรับแต่งใหม่
TFG อยู่ที่ 1,400 แรงม้าและแรงบิด 1,364 lb-ft โดยรุ่น 5.0 ลิตรอยู่ที่ 2,300 แรงม้า และแรงบิด 2,028 lb-ft ขุมพลังทั้งหมดนี้ และเจเมร่ายังคงนั่งได้ 4 คน โดยมีพื้นที่สำหรับบรรทุกสัมภาระด้วย
ส่วนภายในห้องโดยสาร Gemera มีการออกแบบที่เรียบง่าย และคล่องตัวพร้อมตัวเลือกข้อมูลจำเพาะ เช่น ตัวเลือกวัสดุ และสีที่ยังไม่เปิดเผย แม้ว่าผู้ผลิตจะเปิดเผยเกี่ยวกับที่วางแก้วที่สะดวกสบายถึง 4 ช่องที่ด้านหลัง และหน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ที่แบ่งห้องโดยสาร เช่นเดียวกับลำโพงเฉพาะ และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง
การส่งมอบเครื่องจักรขนาด 2,300 แรงม้านั้นคาดว่าจะมีขึ้นในปี 2568 โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ Koenigsegg
#Gemera #Koenigsegg