การเปิดตัวรุ่นพิเศษนี้อิงจาก Black Badge Wraith ที่มีอยู่ของ Rolls-Royce ซึ่งเป็นรุ่นที่ทรงพลังที่สุดที่เคยเปิดตัวในประวัติศาสตร์ของแบรนด์
และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.6 ลิตร ทวินเทอร์โบ 624 แรงม้า ฝาครอบเครื่องยนต์ขัดเงาสีเหลืองแบบพิเศษที่ตัดเฉือนจากเหล็กชิ้นเดียว ขับเคลื่อนด้วยล้อขอบคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมแถบลายสีเหลืองสดใส ภายนอกของรถสวมชุดแต่งสีเทาที่ประณีตเป็นพิเศษตัดกับกันชนสีเหลือง นอกเหนือจากประตูเปิดปิดแบบสปอร์ตที่ทำจากชิ้นส่วนมากกว่า 320 ชิ้น และบุด้วยไม้ Black Wood แบบ open-pore ที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ ภายในห้องโดยสารได้รับการตัดแต่งด้วยวัสดุใหม่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Club Leather ซึ่งมีสีดำเข้มเป็นพิเศษ และความเงางามสูง
รถคันนี้ยังแสดงความเคารพต่อสถิติความเร็วของโลกในปี 1938 ของกัปตันจอร์จ เอย์สตัน ซึ่งเขาได้ขับเครื่องโรลส์-รอยซ์ วี12 อาร์ ซีรีส์ 2 เครื่องยนต์ที่ใช้ “Thunderbolt” ด้วยความเร็ว 357.497 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ Bonneville Salt Flats ในยูทาห์ ดังนั้น Grand Tourer หรูหรา สเป็ค Black Arrow โดดเด่นด้วยนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 1930 พร้อมขอบหน้าปัดที่จารึกตัวเลขความเร็วสูงสุดที่บันทึกสถิติของรถในปี 1938 รวมถึงแผ่นหลังคา Starlight ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะซึ่งรวม ‘stars’ ใยแก้วนำแสงที่จัดเรียงด้วยมือ 2,117 ดวง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่เคยเห็นใน Rolls-Royce ที่แสดงกลุ่มดาวบนท้องฟ้าอย่างแม่นยำเมื่อปรากฏเหนือ Bonneville ในปี 1938 เมื่อ Eyston ทำสถิติความเร็วภาคพื้นดินได้สำเร็จ การนำเสนอยานยนต์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วนี้ทำให้ดูพิเศษยิ่งขึ้นด้วยความจริงที่ว่า Black Badge Wraith Black Arrow มีเพียง 12 คันเท่านั้นที่จะผลิตสำหรับทั่วโลก
แม้ว่า Rolls-Royce Motor Cars จะไม่ได้เปิดเผยราคาของ Black Badge Wraith Black Arrow แต่รถทั้ง 12 คันที่กำลังผลิตนั้นได้รับการพูดถึงแล้ว
#car #RollsRoyce