ดูเหมือนว่าผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาแทบทุกคนจะยอมจำนนต่อแบรนด์นาฬิกาสุดหรู คุณอาจเริ่มต้นเส้นทางการสะสมนาฬิกาด้วย Seikos และ Timexes ที่ราคาไม่แพง แต่ไม่ช้าก็เร็วคุณจะพบว่าตัวเองกำลังหลงใหล และมองหา Rolex หรือ Omega มากขึ้นเรื่อยๆ เราเข้าใจดีว่าการไล่ล่านาฬิกาสุดหรูนี้อาจทำให้ท้อใจเพราะนาฬิกาหรูแต่ละเรือนนั้นมักมาพร้อมป้ายราคาแสนแพงจนเกินจะเอื้อมถึง
แต่แม้ว่านาฬิกาหรูทั่วไปจะมีราคาหลายพันดอลลาร์ แต่นาฬิการะดับไฮเอนด์บางเรือนก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ท้ายที่สุดแล้วนาฬิกาแบรนด์หรูทุกแบรนด์จะต้องมีจุดเริ่มต้น ในแต่ละคอลเลคชั่น หรือในบางซีรีส์มักจะมีนาฬิกาเรือนหนึ่งที่มีราคาจับต้องได้ดีกว่าเรือนอื่นทั้งหมด และนี่คือนาฬิกาที่เราได้ค้นหา ซึ่งเป็นนาฬิกาบนข้อมือผู้ชายที่ถูกที่สุดจาก 12 แบรนด์หรูที่แตกต่างกัน โดยเริ่มจากระดับสูงสุด และค่อยๆ ไล่ระดับลงมาเรื่อยๆ ซึ่งนาฬิกา 12 เรือนต่อไปนี้ ทั้งหมดมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเรือนพี่น้องของแต่ละแบรนด์
หากเราพิจารณาตามมูลค่าตลาด ไม่มีทางที่ Aquanaut จะเป็น Patek ที่มีราคาจับต้องได้มากที่สุด ไม่ใช่วิธีที่เรือนเวลาเหล่านี้มีการซื้อขายในตลาดมือสอง ด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลที่ตกแต่งอย่างไร้ที่ติ หน้าปัดลายนูนคล้ายลูกระเบิด และสายรัดคอมโพสิต “Tropical” ที่ทนทานทำให้ Aquanaut ที่เกิดในยุค 90 จึงกลายเป็นไอคอนในตัวเองอย่างรวดเร็ว
ขนาดตัวเรือน: 40.8 มม.
กันน้ำ: 120 ม.
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $23,070+ (ราวๆ 873,580 บาท ขึ้นไป)
เมื่อพิจารณารูปแบบต่างๆ ของ Royal Oak จากแบรนด์ AP ทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน กับระบบควอตซ์ที่มีขนาดเล็กกว่านั้นสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า เราจึงจัดอันดับ Royal Oak อัตโนมัติขนาด 34 มม. ที่ทำจากสแตนเลสว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ชาย เป็นนาฬิกาที่ถูกที่สุด และที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ขนาดตัวเรือน: 34 มม.
กันน้ำ: 50 ม.
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $22,800+ (ราว 863,755 บาท ขึ้นไป)
โดยทั่วไปแล้วแบรนด์นาฬิกาสุดหรูไม่ได้เสนอนาฬิกาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาในราคาระดับเริ่มต้น แต่ Blancpain เป็นข้อยกเว้นในกรณีนี้ สำหรับแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น Blancpain ได้คิดค้นนาฬิกาดำน้ำที่ทันสมัยในปี 1953 ด้วย Fifty Fathoms แบบดั้งเดิม และถ้าวันนี้คุณสามารถเลือกซื้อนาฬิการุ่นนี้ได้ในราคาที่ถูกกว่านาฬิกาอื่นๆ จากแบรนด์แล้ว คุณจะเห็นว่ามูลค่าสะสมของมันนั้นจะมีค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับรุ่นที่โดดเด่นที่สุดของ Fifty Fathoms สมัยใหม่ ที่มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ
ขนาดตัวเรือน: 38 มม.
กันน้ำ: 300 ม.
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $9,500+ (ราวๆ 359,936 บาท ขึ้นไป)
Zenith เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในด้านกลไก El Primero ซึ่งเป็นหนึ่งในโครโนกราฟอัตโนมัติเครื่องแรกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 50 ปี และในขณะที่ Zenith คิดเงินจำนวนมากสำหรับชิ้นส่วนที่ขับเคลื่อนด้วย El Primero คุณสามารถเริ่มต้นสะสมกับเรือนเวลาของแบรนด์นี้ได้ในราคาที่ถูกกว่าโดยดูจากผลิตภัณฑ์ ELITE และนาฬิกาเรือนนี้ยังคงมีการเคลื่อนไหวอัตโนมัติภายในเฉพาะ มาพร้อมพลังงานสำรอง 50 ชั่วโมง และหน้าปัด Sunray แบบเรเดียลเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่โดดเด่นที่สุดที่คุณจะสามารถหาได้ในราคานี้
ขนาดตัวเรือน: 40.5 มม.
กันน้ำ: 50 ม.
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $6,000+ (ราวๆ 227,160 บาท ขึ้นไป)
นาฬิกาพื้นฐานที่สุดที่ Rolex ผลิตขึ้นคือ Oyster Perpetual The Crown ถอดแบบมาจากสิ่งที่จำเป็นที่สุด ด้วยตัวเรือน Oyster สายนาฬิกา Oyster และกลไก Perpetual no-date มีให้เลือกหลายสี และหลายขนาด รวมถึงรุ่น 36 มม. และ 41 มม. ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักสะสมมือใหม่ที่อยากก้าวเข้าสู่แบรนด์ระดับตำนานอย่าง Rolex
ขนาดตัวเรือน: 34 มม.
กันน้ำ: 100 ม .
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $5,500+ (ราวๆ 208,340 บาท ขึ้นไป)
หากคุณกำลังมองหาสิ่งที่ดูดี มีเอกลักษณ์บนข้อมือแล้วล่ะก็ พรรณรายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร และถึงแม้แบรนด์อิตาลีจะมีราคาแพง และมีชื่อเสียงเฉพาะตัว แต่คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายแแพงเพื่อให้ได้มา เพราะยังมีรุ่นพื้นฐานที่สุดของสายผลิตภัณฑ์อย่าง Radiomir ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์วินเทจของพรรณราย และยังคงนำเสนอสไตล์คลาสสิกของพรรณรายในรูปแบบของตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงาขนาด 45 มม. และไดนาไมต์ลูมที่เข็มนาฬิกา และดัชนีบนหน้าปัดสีดำด้าน
ขนาดตัวเรือน: 45 มม.
การกันน้ำ: 100 ม .
การเคลื่อนไหว: ลมพัดด้วยมือ
ราคา: $4,500+ (ราว 170,460 บาท ขึ้นไป)
เมื่อคุณนึกถึงแบรนด์ IWC สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือ นาฬิกานักบินสไตล์ Flieger อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และเชื่อหรือไม่ว่า คุณสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าเรือนอื่นๆ ในแคตตาล็อกของแบรนด์ จริงอยู่ที่ไม่ใช่ “Big Pilot” ที่โด่งดัง แต่นาฬิกาสำหรับนักบินของ IWC ขนาดกลางที่มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินซันเรย์อันโดดเด่น และเลย์เอาต์ Type A สุดคลาสสิก และมีสไตล์เรือนนี้ ก็ดูดีมีศักดิ์ศรีมากพอๆ กับรุ่นพี่ที่ใหญ่กว่า
ขนาดตัวเรือน: 36 มม.
กันน้ำ: 60 ม.
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $4,250+ (ราว 160,926 บาท ขึ้นไป)
หากคุณมีใจจดจ่อกับ Seamaster หรือ Speedmaster ก็อย่าเพิ่งถอดใจ เพราะโอเมก้ายังมอบคุณค่ามากมายในราคานี้ ตัวเรือนนาฬิกาแบบกลไกโครโนมิเตอร์ โคแอ็กเซียล แบบออโตเมติกภายใน และที่น่าดึงดูดใจของสายนาฬิกาเครื่องแต่งกาย De Ville ที่ดำเนินมายาวนานของ Omega นั้นนำเสนอการเคลื่อนไหวที่ทรงเกียรติ และน่าสนใจที่สุดสำหรับเงินที่จ่ายไป
ขนาดตัวเรือน: 39.5 มม.
กันน้ำ: 30 ม .
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา: $3,750+ (ราว 142,012 บาท ขึ้นไป)
เมื่อพูดถึงนาฬิกาสุดหรูราคาไม่แพง แต่คุณสามารถมั่นใจได้ว่ากลไกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในแบรนด์ Breitling นาฬิกาเรือนนี้ มาพร้อมด้วยการเคลื่อนไหว SuperQuartz ที่ได้รับการรับรองจาก COSC ซึ่งเป็นหัวใจของนาฬิกาโครโนกราฟขนาดใหญ่สำหรับนักกีฬา และนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน เช่นเดียวกับตัวเรือน Breitlight ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งเบากว่าไททาเนียม 3.3 เท่า ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการกัดกร่อนสูง
ขนาดตัวเรือน: 44 มม.
กันน้ำ: 100 ม.
การเคลื่อนไหว: ควอตซ์โครโนกราฟ
ราคา: $3,300+ (ราว
BREITLING ENDURANCE PROเมื่อพูดถึงนาฬิกาสุดหรูราคาไม่แพง แต่คุณสามารถมั่นใจได้ว่ากลไกที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในแบรนด์ Breitling นาฬิกาเรือนนี้ มาพร้อมด้วยการเคลื่อนไหว SuperQuartz ที่ได้รับการรับรองจาก COSC ซึ่งเป็นหัวใจของนาฬิกาโครโนกราฟขนาดใหญ่สำหรับนักกีฬา และนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน เช่นเดียวกับตัวเรือน Breitlight ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ซึ่งเบากว่าไททาเนียม 3.3 เท่า ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการกัดกร่อนสูง
ขนาดตัวเรือน: 44 มม.
กันน้ำ: 100 ม.
การเคลื่อนไหว: ควอตซ์โครโนกราฟ
ราคา: $3,300+ (ราว 124,938 บาท ขึ้นไป)
หากคุณเริ่มก้าวเข้าสู่วงการนักสะสม คุณไม่ควรมองข้าม Cartier ราชานาฬิกาแต่งตัวที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์นาฬิกาสวิสที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Rolex และนาฬิกา Cartier ที่ขับเคลื่อนด้วยควอตซ์ขนาด 36 มม. ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะคุณจะได้รับนาฬิการุ่นไอคอนควอตซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกอย่างแท้จริงด้วย Cartier Tank Must
ขนาดตัวเรือน: 36 มม.
กันน้ำ: 30 ม .
การเคลื่อนไหว: ควอตซ์
ราคา: $2,810+ (ราว 106,437 บาท ขึ้นไป)
ในฐานะที่เป็นน้องชายของ Rolex อบรนด์ Tudor นั้นขึ้นชื่อในด้านการนำเสนอสไตล์ของเพื่อนร่วมทีมที่ยากจะเข้าใจได้ในราคาที่ถูกกว่า เช่นรุ่น Black Bay Chrono ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Daytona, GMT-Master-derived Black Bay GMT และ Explorer II แต่สำหรับนาฬิการาคาถูกที่สุด Tudor ใช้เส้นทางดั้งเดิมในปี 1926 ด้วยเข็มนาฬิกาแบบสามเข็มที่เรียบง่ายนี้มาในสี และรูปแบบที่หลากหลาย แต่ทั้งหมดมีกลไกการทำงานอัตโนมัติ ดัชนีที่ใช้ และหน้าปัดแบบมีพื้นผิว ความคลาสสิกที่ดูดีมีสไตล์ที่จับต้องได้ในราคาไม่ถึง $2K
ขนาดตัวเรือน: 36 มม.
กันน้ำ: 100 ม .
การเคลื่อนไหว: อัตโนมัติ
ราคา : $1,800+ (ราว 68,182 บาท ขึ้นไป)
หลังจากที่ TAG ซื้อ Heuer ในปี 1980 TAG Heuer ที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ได้บุกเข้าสู่โลกแห่งนาฬิกาสมัยใหม่ด้วย นาฬิกา Formula 1 ที่ขับเคลื่อนด้วยควอตซ์ ระดับบล็อกบัสเตอร์ ซึ่งมากำหนดแบรนด์ในยุค 80 และ 90 แม้ว่าทุกวันนี้แบรนด์จะไม่ได้เป็นผู้นำเทรนด์อีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ TAG Heuer ก็ยังคงผลิต Formula 1 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้เป็นนาฬิกาดำน้ำแบบควอตซ์ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมที่ราคาไม่แพงสำหรับชื่อที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกาแบรนด์หรู
ขนาดตัวเรือน: 41 มม.
กันน้ำ: 200 ม.
การเคลื่อนไหว: ควอตซ์
ราคา : $1,300+ (ราว 49,231 บาท ขึ้นไป)
………………………………………………………………………………………………………………………………..
ติดตาม ManHere.Life ติดตามเนื้อหาแมนๆ อย่างเต็มอิ่ม ที่จะทำให้ชีวิตคุณ ‘ชัดเจน’ ยิ่งขึ้น
Website: https://manhere.life/ Instagram: https://www.instagram.com/manhere.life/ YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCTS6skEaGP5B8Itk4FGXyhQ
