“เดอะซเลท” ลักซัวรี่ดีไซน์รีสอร์ตริมทะเล ตั้งอยู่บนหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตเพียง 1 กิโลเมตร (เท่านั้น!!! ) ชายหาดทางตอนเหนือของเกาะภูเก็ตที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างกล่าวขวัญถึงความสวยงามและสงบ ชนิดที่ใครต่อใครก็อยากมาเยือน เช่นเดียวกับความโดดเด่นของตัวรีสอร์ตที่เป็น One-one-a-kind ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบโพสต์โมเดิร์นอาร์ต (Post Modern Art) ตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงห้องพัก การเก็บรายละเอียดกลิ่นอายของ “เหมืองแร่ดีบุก” ในรูปแบบของประติมากรรม เฟอร์นิเจอร์หนัง ไม้วินเทจ และโลหะ รวมถึงโคมไฟรูปทรงแปลกตา ที่ดึงดูดให้นักเดินทางต่างหลงใหลมนตร์เสน่ห์ และอยากกลับมาพักครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่นี่มีประวัติศาสตร์และงานศิลปะอบอวลในทุกอณู ไม่ว่าทั้งการตกแต่งและการบริการที่ผสานศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ภายใต้คอนเซ็ปต์สถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “เหมืองแร่ดีบุก” ซึ่งเป็นตำนานต้นกำเนิดของที่แห่งนี้ บวกรวมกับฝีมือนักออกแบบร่วมสมัยตัวพ่อระดับโลกอย่าง Bill Bensley (บิล เบนส์ลีย์) ที่ร่ายมนต์สะกดและเนรมิตให้ที่นี่ “เดอะซเลท” กุมหัวใจผู้มาเยือนได้อยู่หมัดตั้งแต่ก้าวแรก
ห้องสวีทของ “เดอะซเลท” มีให้บริการทั้งหมด 177 ห้อง มีให้เลือกตั้งแต่แบบ D-Bux Suite ไปจนถึง Bensley Suite ที่มีสระว่ายน้ำและเตียงสปาส่วนตัว ทุกห้องมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกันคือ เตียงนอนโอเวอร์ไซส์ ห้องน้ำขนาดใหญ่ ระเบียงส่วนตัวที่กว้างขวางพร้อมเดย์เบดไว้นั่งมองวิวสวนหรือวิวทะเลได้ตลอดทั้งวัน ที่สำคัญมีอ่างอาบน้ำสีดำชาร์โคลสุดคลาสสิกไว้แช่ผ่อนคลายหลังวันที่เหนื่อยล้า นอกจากนี้ ยังมีพูลวิลล่า (Pool Villa) อีก 7 หลัง ล้วนตกแต่งอย่างประณีตและครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะ Amenity ที่เป็นแบรนด์ของ “เดอะซเลท” เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนที่เต็มไปด้วยความสง่างามและศิลปะสมัยใหม่
มาพักที่ “เดอะซเลท” ไม่มีคำว่าน่าเบื่อ นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศทะเลอันเงียบสงบและความบริสุทธิ์ของธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าพักเลือกเพลิดเพลินมากมาย โดยทุกกิจกรรมจะแฝง “ศิลปะ” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของรีสอร์ต โดยจะมีศิลปินระดับโลกหมุนเวียนกันมาคอลแลปกับรีสอร์ตลอดทั้งปี ทั้งจัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพถ่าย ภายใน “Shades” อาร์ตแกลเลอรี่ของรีสอร์ต การโชว์เคสศิลปวัฒนธรรม รวมถึงการรังสรรค์ศิลปะด้านอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่ นอกจากนั้นยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ให้ใช้เวลาวันพักผ่อนอย่างเต็มที่ อาทิ สระว่ายน้ำ 3 สระ
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี ฟิตเนสสตูดิโอ คิดส์คลับ (Tin Box Kids’ club), คลาสทำอาหารไทย (Moo’s Kitchen), ร้านขายของแต่งบ้านและของที่ระลึก (Stockroom and Blue Diamond Book) ไปจนถึงศูนย์ดำน้ำลึก PADI
ห้องอาหารและบาร์ทั้ง 7 แห่งของ “เดอะซเลท” นับเป็นไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ แต่ละร้านมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งการตกแต่งและรสชาติอาหารที่โดดเด่นที่นับเป็นงานคราฟท์ของเชฟระดับรางวัลที่นี่ เริ่มจากอาหารเช้าที่ “Tine Mine” อาหารนานาชาติหลากเมนูให้ได้เริ่มต้นวันใหม่อย่างลงตัว
ต่อด้วยดินเนอร์ที่มีให้เลือก 2 แบบ 2 อารมณ์ ได้แก่ “Rivet & Rebar” ห้องอาหารญี่ปุ่นที่นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุด ตั้งแต่ซาซิมิที่สดใหม่ไปจนถึงสุดยอดเนื้อวากิวพรีเมี่ยม
และ “Black Ginger” ห้องอาหารไทยและอาหารใต้พื้นเมืองแท้ ที่ตั้งอยู่ภายในคฤหาสน์ทรงไทยกลางน้ำซึ่งจะต้องนั่งแพไม้ข้ามไปเท่านั้น ได้ฟีลเดินทางย้อนเวลาข้ามภพไปดินเนอร์ในยุคกรุงศรีอยุธยาที่เด็ดทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหาร
และยังมีบาร์เครื่องดื่มสุดเก๋ให้เลือกแฮงเอาท์ได้ตลอดทั้งวัน ได้แก่ Tongkah Tin Syndicate, Shore Thing และ Dirty Monstera
และปิดท้ายที่ “Cocoon Spa” สวรรค์แห่งการผ่อนคลายที่อยู่กลางสวนทรอปิคอล อบอวลด้วยไอดินกลิ่นต้นไม้ที่เขียวขจีของธรรมชาติ โดย “เดอะซเลท” ได้เนรมิตห้องสปาทรีทเมนต์เป็นรูปทรงรังนกบนต้นไม้ (Tree Nest) มีเมนูทรีทเมนต์ให้เลือกออกแบบได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ภายใต้คอนเซ็ปต์ REJUVENATING ที่เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก
หากใครเป็นสายอาร์ตที่ชื่นชอบความลักชัวรี่มีดีเทลและอยากสัมผัสกับการพักผ่อนอยู่ในสถานที่ดีดี ทริปหลังหมดโควิดนี้ลองเช็คอินที่ “เดอะซเลท” เที่ยวทะเลไทยให้หลงรักภูเก็ตมากกว่าที่เคย
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.theslatephuket.com/